TH
TH EN
x

หน้ากากอนามัย ช่วยปกป้องฝุ่น PM 2.5 ช่วยป้องกันไวรัสโคโรนา

หน้ากากอนามัย Rare Item ช่วยปกป้องฝุ่น PM 2.5 ช่วยป้องกันไวรัสโคโรนา (ไวรัสโควิด-19)

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังไม่หายไปและเริ่มกลับมารุนแรงอีกครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว ยังมีอีกหนึ่งภัยที่คนไทยต้องเฝ้าระวังนั่นก็คือ ไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ และวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการสวมหน้ากากอนามัย วันนี้เลยจะมาแนะนำว่าหน้ากากอนามัยแบบไหนที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ แบบไหนที่ป้องกันไวรัสนี้ได้ หน้ากากแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร มีวิธีเลือกซื้ออย่างไร รวมถึงวิธีใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง มาฝากทุกคนกันครับ

update-trend-health-2020

เลือกหน้ากากอย่างไร? ให้ปกป้องลมหายใจ จากฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)

หน้ากาก N95

เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ มักใช้กับบุคลากรในโรงพยาบาลที่มีโอกาสเสี่ยงพบผู้ป่วยมาก โดยประสิทธิภาพในการป้องกันของหน้ากากนี้จะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เพราะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 , PM 10 เชื้อโรคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน และป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19) ได้สูง ซึ่งบางรุ่นจะมีวาลว์ระบายอากาศ เพื่อช่วยในการระบายความร้อนได้

หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ

เป็นหน้ากากแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เมื่อใส่แล้วหายใจสะดวก ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคและแบคทีเรียจากการไอหรือจามได้ สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)ได้ค่อนข้างดี

ถึงแม้ว่า หน้ากาก N95 หรือ หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันค่อนข้างสูง แต่หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่แออัดหรือพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงพยาบาล ควรมีการเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน ไม่ควรนำหน้ากากมาใช้ซ้ำ แต่หากไม่ได้มีความจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง อาจนำหน้ากากมาใช้ซ้ำได้2-3วัน หากหน้ากากที่ใช้ซ้ำเริ่มหายใจยากขึ้นก็ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำแล้ว

หน้ากาก Pitta รุ่นมาตรฐาน

เป็นหน้ากากสำหรับกรองอากาศโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะฝุ่นควัน หรือมลภาวะต่าง ๆ ซักทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ สามารถกันฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กและเกสรดอกไม้ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)

หน้ากากแบบผ้า

เป็นหน้ากากกันฝุ่นที่ใช้ซ้ำได้ ซักตากแห้งแล้วเอามาใช้ได้เหมือนเดิม สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 แต่ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)ได้เพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ 100% ซึ่งหน้ากากอนามัยส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ถึง 100% ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ การใส่หน้ากากอนามัยจึงแค่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสจากการไอหรือจาม ป้องกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ผู้ใช้ยังมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้

ที่มาของข้อมูล : bangkokbiznews.com, wongnai.com, mheemhee.com

update-trend-health-2020

หน้ากาก N95 แต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร?

Cup Shape

หน้ากากแบบนี้มีคนใช้กันค่อนข้างมาก เป็นหน้ากากที่คงรูป ค่อนข้างแข็ง กระชับ แนบสนิทกับใบหน้า เวลาหายใจหน้ากากจะไม่ยุบเข้าออก ไม่สัมผัสกับใบหน้าให้รู้สึกรำคาญหรือระคายเคือง ด้วยความที่หน้ากากกระชับมาก อาจทำให้อึดอัด ใส่ได้ไม่นาน ทำให้หายใจค่อนข้างลำบาก

2-Panel Flat-fold

ลักษณะจะคล้ายกับ Cup Shape แต่จะเป็นแบบกึ่งคงรูป เนื้อสัมผัสจะเบากว่า เข้ากับรูปหน้าของเราได้มากกว่า ยืดหยุ่นและสวมใส่สบายกว่าแบบ Cup Shape และสามารถพับเก็บได้ แต่ถ้าใส่ไม่ถูกวิธี หลวมเกินไป อาจมีช่องที่ทำให้ฝุ่นละอองเล็ดลอดเข้าไปได้ และเวลาหายใจเข้าออก อาจรู้สึกว่าหน้ากากสัมผัสกับใบหน้าเล็กน้อย ทำให้รู้สึกรำคาญหรือระคายเคืองได้

V-Flex

เป็นหน้ากากที่ไม่ได้มีรูปร่างคงตัว ปกปิดมิดชิด สามารถโค้งรับไปกับใบหน้าได้ สวมใส่สบาย ไม่บีบรัดหน้า ที่สำคัญสามารถพับเก็บได้ เนื่องจากเป็นหน้ากากที่ไม่ได้มีรูปร่างคงตัว ทำให้เวลาหายใจเข้าออก หน้ากากจะสัมผัสกับใบหน้าค่อนข้างบ่อย สำหรับสาวๆ ที่แต่งหน้าจะประสบปัญหาเครื่องสำอางเปื้อนด้านในหน้ากาก

3-Panel Flat-fold

เป็นหน้ากาก N95 อีกแบบหนึ่งที่คนใช้เยอะ และค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เป็นวัสดุที่ทำจากผ้า โค้งรับกับรูปหน้า ปกปิดได้มิดชิด สวมใส่สบาย ส่วนใหญ่มักมีแต่สายรัดด้านหลัง ทำให้สวมใส่ลำบาก และหากใส่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้ฝุ่นละอองเล็ดลอดเข้าไปได้

ที่มาของข้อมูล : taladpanya.com, honestdocs.co

เลือกซื้อหน้ากากอนามัย ต้องสังเกตอะไรบ้าง?

เลือกซื้อหน้ากากอนามัย ต้องสังเกตอะไรบ้าง?
  1. สังเกตว่าหน้ากากได้รับการรับรองมาตรฐานหรือไม่?
    เคยสังเกตไหมว่าหน้ากากบางอันก็เขียนว่า N95 บางอันก็เขียนว่า FFP2 หรือ P2 ซึ่งรหัสเหล่านี้ คือสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐานของประเทศต่างๆ ดังนี้
    1. FFP1 : เป็นการรับรองของฝั่งยุโรป โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 80%
    2. FFP2 : เป็นการรับรองของฝั่งยุโรป โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 94%
    3. FFP3 : เป็นการรับรองของฝั่งยุโรป โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%
    4. P1 : เป็นการรับรองของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 80%
    5. P2 : เป็นการรับรองของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 94%
    6. P3 : เป็นการรับรองของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%
    7. N95 : เป็นการรับรองของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 95%
    8. N99 : เป็นการรับรองของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%
    9. N100 : เป็นการรับรองของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 99.97%
  2. สังเกตว่ามีอลูมิเนียมบริเวณดั้งจมูกและฟองน้ำรองด้านในหรือไม่?
    ลองสังเกตดูว่าหน้ากากอนามัยส่วนใหญ่จะมีอลูมิเนียมเส้นเล็กๆ คาดอยู่บริเวณดั้งจมูก ซึ่งเวลาสวมใส่เราต้องกดอลูมิเนียมให้แนบไปกับจมูกเพื่อป้องกันอากาศรั่วไหล แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บ เพราะส่วนใหญ่มักมีแผ่นฟองน้ำนุ่มๆ รองอยู่ด้านล่างเพื่อป้องกันการระคายเคืองอยู่แล้ว
  3. เช็คเพื่อความชัวร์ว่าหน้ากากได้มาตรฐานหรือไม่?
    เพราะในช่วงที่ผ่านมามีหน้ากากอนามัย N95 ปลอมเยอะมาก ถ้าไม่เลือกดูให้ดี ก็อาจจะได้หน้ากากปลอมไปครอบครอง ซึ่งประสิทธิภาพอาจจะไม่ดีเท่ากับของแท้ ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ ถ้าหากหน้ากากที่ซื้อเป็นของ 3M จะสามารถเช็ค Secure Code ได้ โดยดูที่ใต้กล่อง หรือข้างกล่อง จะมี Secure Code กับ Lot Code ระบุอยู่ จะรู้ทันทีว่าหน้ากากนั้นเป็นของ 3M จริงหรือเปล่า
วิธีใส่หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป

วิธีใส่หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป

  1. เริ่มต้นด้วยการล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ติดบริเวณมือ
  2. ต่อมาให้สวมหน้ากากอนามัย โดยจับห่วงทั้ง 2 ข้าง หันด้านที่มีสีเข้มออกด้านนอก แล้วเอาสีขาวเข้าหาหน้าตัวเอง
  3. จากนั้นนำสายมาคล้องหู และปรับให้พอดี แต่ไม่ควรให้หน้ากากหลวมเกินไป อาจทำให้เชื้อโรคเข้ามาได้
  4. กดตรงส่วนของโลหะให้ชิดกับสันจมูก และพับจีบลงด้านนอก จะทำให้หน้ากากอนามัยพอดีกับหน้า ดึงหน้ากากอนามัยให้ปิดบริเวณปาก จมูก และคาง เป็นอันเรียบร้อย
วิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95

วิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95

  1. ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่ทุกครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อโรค
  2. ถือหน้ากากอนามัยไว้ในอุ้งมือ แล้วครอบหน้ากากบริเวณปากและจมูก
  3. สวมใส่ให้กระชับใบหน้าสายรัดหนึ่งอยู่เหนือใบหูและอีกสาบหนึ่งอยู่ใต้ใบหูและกดส่วนที่เป็นโลหะให้กระชับแน่นกับสันจมูก
  4. ทดสอบความพอดีของหน้ากากโดยใช้มือทั้งสองข้างทาบบริเวณหน้ากาก แล้วลองหายใจ หากหน้ากากพอดีกับใบหน้าเวลาหายใจเข้าหน้ากากจะยุบตัว หายใจออกหน้ากากจะพองตัวออก

ทั้งนี้หน้ากากแต่ละประเภทมีรูปแบบใช้งานแตกต่างกัน แนะนำให้ตรวจสอบความมิดชิดของหน้ากากทุกครั้ง เมื่อรู้ว่าหน้ากากที่ใช้เปียก หรือโดนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ รวมถึงหน้ากากชำรุด ให้รีบเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทันที

ที่มาของข้อมูล : pobpad.com,bangkokbiznews.com, wongnai.com,frank.co.th

SAFE ตัวเองจาก ไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)และฝุ่น PM2.5 ด้วยฟินชัวรันส์

SAFE ตัวเองจาก ไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)และฝุ่น PM2.5 ด้วยฟินชัวรันส์

การดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ต้องเจอกับความเสี่ยงมากมายที่มีอยู่รอบตัว โดยไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง ไหนจะฝุ่น PM 2.5 ไหนจะไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19) และก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีโรคระบาดอะไรเกิดขึ้น เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันนี้ ด้วยประกันสุขภาพ ฟินชัวรันส์ ที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อปี รักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ไม่จำกัดครั้ง สูงสุดถึง 50,000 บาทต่อปี ที่สำคัญให้ความคุ้มครองการเจ็บป่วยจากฝุ่น PM 2.5 และไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)

SAFE ตัวเองจาก ไวรัสโคโรนา(ไวรัสโควิด-19)และฝุ่น PM2.5 ด้วยฟินชัวรันส์

KWI ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี หากคุณยังคงใช้งานบนเว็บไซต์ เราถือว่าคุณยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไข ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่